หากคุณกำลังสร้างแชทบอท AIหรือเอเจนต์ AI คุณอาจต้องใส่ใจกับการออกแบบบทสนทนา
กระบวนการนี้—การสร้างบทสนทนาที่ใช้งานง่ายและนำทางผู้ใช้ไปในเส้นทางที่ถูกต้อง—เคยเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบแชทบอท
แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า งานออกแบบบทสนทนาส่วนใหญ่สามารถทำแบบอัตโนมัติได้ เอเจนต์ LLMต้องการการออกแบบบทสนทนาแบบแมนนวลเฉพาะในบางกรณีหรือข้อความที่มีปริมาณสูง (เช่น คำทักทายมาตรฐานหรือเชิญชวนให้ซื้อ)
หากคุณสนใจสร้างเอเจนต์อัตโนมัติที่แทบไม่ต้องออกแบบบทสนทนาเอง ลองดู Autonomous Node ใน Botpress Studio ได้เลย
1. ออกแบบจังหวะหยุดคิด
จำลองกระบวนการคิดแบบธรรมชาติด้วยการเพิ่มช่วงหยุดสั้น ๆ สำหรับคำถามที่ซับซ้อน จะช่วยให้บอทดูเหมือนกำลังคิด ไม่ใช่แค่ตอบแบบหุ่นยนต์ เช่น หยุดสักครู่แล้วพูดว่า “ขอเช็กข้อมูลให้ก่อนนะครับ” จะช่วยให้รู้สึกเหมือนมีการประมวลผลจริง
เคล็ดลับการนำไปใช้
- ใช้ตัวบอกสถานะการพิมพ์ที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นเหมือนความเร็วการพิมพ์ของคน เพื่อให้ดูเหมือนบอทกำลังคิด
- เพิ่มจังหวะหยุดที่แตกต่างกันตามพฤติกรรมผู้ใช้ เช่น ตอบช้าลงเมื่อผู้ใช้ใช้เวลานานกับข้อความก่อนหน้า
2. ใช้ภาษาที่หลากหลายเป็นธรรมชาติ
ป้องกันไม่ให้บอทพูดซ้ำ ๆ โดยตั้งค่าให้ตอบคำถามเดียวกันได้หลายรูปแบบ เหมือนกับที่คนพูดไม่เหมือนกันทุกครั้ง จะช่วยให้บทสนทนาไม่น่าเบื่อ
เช่น แทนที่จะพูดว่า “เดี๋ยวช่วยจัดการให้” ทุกครั้ง ลองสลับเป็น “มาช่วยกันแก้ปัญหานี้ดีกว่า”

เคล็ดลับการนำไปใช้
- ใช้การจับคู่คำเหมือนที่เข้าใจบริบท เพื่อปรับรูปแบบการตอบให้เหมาะกับเจตนาและน้ำเสียงของผู้ใช้
- ใช้การปรับเปลี่ยนสไตล์การตอบให้เหมาะสมกับความยาวและโทนของคำตอบตามความชอบในการสนทนาของผู้ใช้เมื่อเวลาผ่านไป
3. ยอมรับข้อจำกัดของบอทอย่างเป็นมนุษย์
เมื่อบอทไม่มีคำตอบ ให้แสดงความไม่แน่ใจแบบที่คนพูดกัน
แทนที่จะตอบว่า “ช่วยไม่ได้” ลองพูดว่า “อืม อันนี้ยากเหมือนกัน ขอหาข้อมูลเพิ่มหรือถามคนอื่นให้ได้นะครับ”

เคล็ดลับการนำไปใช้
- ใช้ช่วงเปลี่ยนนี้เพื่อเชื่อมต่อกับเจ้าหน้าที่ (human-in-the-loop) หรือแนะนำช่องทางอื่น เช่น หมายเลขโทรศัพท์
4. สะท้อนอารมณ์ของผู้ใช้
ใช้การวิเคราะห์อารมณ์เพื่อปรับโทนเสียงของบอทให้เข้ากับความรู้สึกของผู้ใช้
ถ้าผู้ใช้ดูไม่พอใจ ให้ตอบด้วยความเห็นใจ เช่น “เข้าใจเลยว่ามันน่าหงุดหงิดขนาดไหน” ถ้าผู้ใช้มีความสุข ก็ตอบด้วยความกระตือรือร้น เช่น “เยี่ยมเลย! มาเริ่มกันเถอะ”
เคล็ดลับการนำไปใช้
- ตั้งค่าเครื่องหมายวรรคตอนให้เหมาะกับอารมณ์ เช่น ใส่เครื่องหมายตกใจเมื่อดีใจ หรือจุดไข่ปลาเมื่อไม่แน่ใจ
- ใช้อีโมจิอย่างพอดี เพื่อเพิ่มอารมณ์แต่ยังคงความเป็นมืออาชีพ
5. ใช้น้ำเสียงแบบสนทนา
เขียนคำตอบให้เป็นมิตรและเข้าถึงง่าย สอดคล้องกับบุคลิกของแบรนด์ หลีกเลี่ยงประโยคแข็ง ๆ เช่น “ได้รับคำถามของคุณแล้ว” ให้ใช้ “โอเค! เดี๋ยวจัดการให้เลย” แทน
เคล็ดลับการนำไปใช้
- ปรับคำตอบให้เหมาะกับอุตสาหกรรมหรือกรณีใช้งาน เพื่อให้โทนเสียงตรงกับความคาดหวังของกลุ่มเป้าหมาย
- ใส่มุกตลกหรืออ้างอิงวัฒนธรรมที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายโดยไม่เสียความเป็นมืออาชีพ
- อัปเดตโทนเสียงของบอทอย่างสม่ำเสมอโดยใช้ฟีดแบ็กจากผู้ใช้ เพื่อปรับถ้อยคำให้ตรงกับความต้องการที่เปลี่ยนไป
6. ใช้คำตอบแบบ "คิดออกเสียง"
อธิบายกระบวนการคิดของบอทเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ เช่น ตอนกำลังหาคำตอบ: “คำถามดีมาก ขอคิดดูก่อนนะ... อ้อ เจอข้อมูลแล้วครับ!”

เคล็ดลับการนำไปใช้
- ให้ฟีดแบ็กระหว่างทำงานที่ซับซ้อน เช่น “กำลังรวบรวมข้อมูลให้อยู่ครับ” เพื่อเติมเต็มช่วงที่ต้องรอนาน
- ใช้คำเปลี่ยนผ่านระหว่างขั้นตอน เช่น “ขอเช็กข้อมูล A ก่อนนะครับ แล้วจะไปดู B ต่อ”
- ทดสอบรูปแบบ "คิดออกเสียง" กับผู้ใช้จริง เพื่อให้แน่ใจว่าฟังดูเป็นธรรมชาติ ไม่เหมือนอ่านสคริปต์
7. ส่งต่อให้เจ้าหน้าที่อย่างลื่นไหล
เมื่อจำเป็นต้องส่งต่อให้คน ให้ใช้ถ้อยคำที่เป็นธรรมชาติ เช่น “ดูเหมือนผมจะช่วยตรงนี้ไม่ได้ เดี๋ยวต่อสายให้เจ้าหน้าที่ดูแลเลยนะครับ”
เคล็ดลับการนำไปใช้
- สร้างข้อความส่งต่อที่ปรับตามบริบท เช่น “เรื่องนี้เกี่ยวกับการเงิน เดี๋ยวเชื่อมต่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินนะครับ”
- เพิ่มฟีเจอร์แจ้งสถานะคิวให้ผู้ใช้มั่นใจระหว่างรอการส่งต่อ
- ออกแบบสรุปข้อมูลก่อนส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ เพื่อให้รับช่วงต่อได้ทันที
8. ใส่ความไม่สมบูรณ์แบบอย่างมีจุดประสงค์
เพิ่มความเป็นธรรมชาติด้วยข้อผิดพลาดเล็ก ๆ เช่น บอทอาจแก้ไขตัวเองว่า “อ้าว... ขอเช็กอีกทีนะครับ เอาล่ะ เจอแล้ว!” จะช่วยให้บทสนทนาดูจริงใจขึ้น
เคล็ดลับการนำไปใช้
- สุ่มโครงสร้างคำตอบให้มีคำเติม เช่น "ขอคิดก่อนนะ..." หรือการแก้ไขตัวเอง เช่น "เดี๋ยว อาจจะเข้าใจผิด" เป็นครั้งคราว
9. ใช้วลีเปลี่ยนเรื่องอย่างเป็นธรรมชาติ
เชื่อมโยงบทสนทนาให้ลื่นไหลด้วยวลีเปลี่ยนเรื่อง เช่น “ต่อไปเราทำแบบนี้กันนะครับ” หรือ “ค่อย ๆ ไปทีละขั้นดีกว่า” แทนการเปลี่ยนเรื่องแบบกะทันหัน

เคล็ดลับการนำไปใช้
- เตรียมวลีเปลี่ยนเรื่องไว้หลายแบบ เพื่อไม่ให้ซ้ำซาก
- ใส่บทสรุปก่อนเปลี่ยนเรื่อง เช่น “ตอนนี้เราคุยเรื่อง X แล้ว เดี๋ยวไปต่อที่ Y กันครับ”
สร้างเอเจนต์อัตโนมัติ
Botpress คือแพลตฟอร์ม Agentic AI ที่ทรงพลังที่สุด มีผู้ใช้งานมากกว่าครึ่งล้านคนทั่วโลก
ขยายขีดความสามารถได้ไม่จำกัด และเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์มใดก็ได้ เหมาะกับทุกอุตสาหกรรมและทุกแผนก ตั้งแต่การเงินจนถึง HR
ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูง ไลบรารีอินทิเกรตและเทมเพลตในตัว และระบบสร้างบอทอัจฉริยะอัตโนมัติ Botpress คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสร้างระบบเอเจนต์ AI
คำถามที่พบบ่อย
1. ทำไมการสื่อสารแบบมนุษย์ถึงสำคัญกับการออกแบบแชทบอท?
การสื่อสารแบบมนุษย์สำคัญกับการออกแบบแชทบอทเพราะช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้น ลดความหงุดหงิดของผู้ใช้ ส่งผลให้มีส่วนร่วมและทำภารกิจสำเร็จมากขึ้น ผู้ใช้จะเชื่อถือและกลับมาใช้บอทที่พูดคุยเป็นธรรมชาติและเข้าใจความรู้สึกมากกว่า
2. ผู้ใช้ตอบสนองต่อบอทที่ดูเป็นมนุษย์กับบอทที่ดูเป็นหุ่นยนต์ต่างกันอย่างไร?
โดยทั่วไปผู้ใช้จะตอบสนองเชิงบวกกับบอทที่ดูเป็นมนุษย์มากกว่า ทั้งในแง่ความพึงพอใจและการมีส่วนร่วม บอทที่ดูเป็นหุ่นยนต์มักทำให้ผู้ใช้เลิกใช้งานหรือรู้สึกไม่ดีเมื่อถูกเข้าใจผิด
3. ถ้าบอทดูเหมือนมนุษย์เกินไป ผู้ใช้จะสับสนคิดว่าคุยกับคนจริงหรือไม่?
ใช่ ถ้าบอทดูเหมือนมนุษย์เกินไป อาจทำให้ผู้ใช้สับสนหรือเกิดปัญหาทางจริยธรรมหากไม่รู้ว่ากำลังคุยกับ AI ควรแจ้งให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น เช่น "ฉันคือผู้ช่วยเสมือนของคุณ" เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและยังคงบทสนทนาแบบธรรมชาติได้
4. จะรักษาความหลากหลายแบบมนุษย์แต่ยังคงเสียงของแบรนด์ให้สม่ำเสมอได้อย่างไร?
เพื่อรักษาความหลากหลายแบบมนุษย์แต่ยังคงเสียงของแบรนด์ ให้กำหนดแนวทางโทนเสียงหลัก (เช่น เป็นมิตร ทางการ ขี้เล่น) แล้วปรับโครงสร้างประโยค เครื่องหมายวรรคตอน และคำศัพท์ให้หลากหลายภายในขอบเขตนั้น
5. จะออกแบบบุคลิกของบอทให้สะท้อนตัวตนของแบรนด์ได้อย่างไร?
คุณสามารถออกแบบบุคลิกของบอทให้สะท้อนตัวตนของแบรนด์ได้โดยเลือกใช้ภาษา โทนเสียง อารมณ์ขัน และสไตล์การโต้ตอบให้สอดคล้องกับค่านิยมของแบรนด์ เช่น แบรนด์สุขภาพอาจใช้ภาษาสงบและให้กำลังใจ ส่วนสตาร์ทอัพสายเทคอาจเลือกตอบสั้น กระชับ





.webp)
