วงการ AI สนทนา ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีแพลตฟอร์มมากมายที่อ้างว่าสามารถตอบโจทย์ธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ไม่ว่าคุณจะต้องการเปิดตัว แชทบอท AI สำหรับบริการลูกค้า หรือสร้างเอเจนต์ AI เพื่อเพิ่มโอกาสทางการขาย การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย
Botpress และ Voiceflow ต่างก็โดดเด่นในฐานะ เครื่องมือสร้างเอเจนต์ AI ชั้นนำ โดยแต่ละแพลตฟอร์มมีจุดแข็งเฉพาะตัว ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและความต้องการปรับแต่งของโปรเจกต์ AI สนทนาของคุณ
พร้อมจะสำรวจว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้แตกต่างกันอย่างไรหรือยัง? มาวิเคราะห์ Voiceflow กับ Botpress กัน
สรุปโดยย่อ: Voiceflow กับ Botpress
Botpress ถูกออกแบบมาสำหรับสร้างเอเจนต์ AI ขั้นสูง ที่สามารถจัดการเวิร์กโฟลว์ซับซ้อนหลายขั้นตอน เชื่อมต่อช่องทางสื่อสารกับ CRM แหล่งข้อมูล และเจ้าหน้าที่ได้อย่างครบถ้วน เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการปรับแต่งและเชื่อมต่อระบบอย่างลึกซึ้ง
.webp)
Voiceflow โดดเด่นเรื่องการพัฒนาแบบไม่ต้องเขียนโค้ด โดยเฉพาะสำหรับเอเจนต์ AI ที่ใช้เสียงและข้อความ ช่วยให้สร้างต้นแบบและทำงานร่วมกันในทีมได้อย่างรวดเร็ว รองรับเวิร์กโฟลว์ที่มีความซับซ้อนในระดับปานกลาง
.webp)
หากคุณต้องการเอเจนต์ AI สำหรับตอบคำถามที่พบบ่อย หรือเปิดใช้งานอย่างรวดเร็วบนช่องทางเสียงและข้อความเพื่อบริการลูกค้า Voiceflow จะช่วยให้คุณเริ่มต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฟีเจอร์การทำงานร่วมกันยังช่วยให้ทีมขนาดใหญ่สามารถทำงานพร้อมกันบนแพลตฟอร์มได้แบบเรียลไทม์
หากคุณต้องการเอเจนต์ AI ที่ช่วยแก้ปัญหาทางเทคนิค คัดกรองลูกค้าเป้าหมาย หรือเชื่อมต่อกับเครื่องมือและแหล่งข้อมูลหลากหลาย Botpress คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเชื่อมต่อและโครงสร้างพื้นฐาน
เปรียบเทียบฟีเจอร์แบบเจาะลึก
เปรียบเทียบราคา Botpress กับ Voiceflow
ทั้ง Botpress และ Voiceflow มีแพลนใช้ฟรี
แพลนฟรีของ Botpress ให้เครดิต AI มูลค่า $5 ผู้ใช้จึงสามารถทดสอบการใช้งานในปริมาณน้อยได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย LLM API ส่วนแพลนฟรีของ Voiceflow ให้ 100 เครดิต, 2 เอเจนต์ และสิทธิ์โทรออก 1 ครั้งเพื่อทดสอบแพลตฟอร์ม
Botpress ยังมีตัวเลือกจ่ายตามการใช้งาน ให้ผู้ใช้ขยายจำนวนข้อความ อีเวนต์ แถวข้อมูล หรือจำนวนเอเจนต์และผู้ร่วมงานใน workspace ได้ตามต้องการ
ความสามารถในการเชื่อมต่อ
สรุปสั้น ๆ: Botpress เหมาะกับทีมที่ต้องการปรับแต่งอย่างลึกซึ้งผ่านโค้ดและ webhook สำหรับการเชื่อมต่อเฉพาะทาง ส่วน Voiceflow เหมาะกับทีมที่ต้องการเชื่อมต่อ AI เสียงกับเครื่องมือธุรกิจยอดนิยมแบบสำเร็จรูป
ทั้ง Voiceflow และ Botpress มีชุดการเชื่อมต่อสำเร็จรูปที่ครบถ้วน แต่ Botpress ยังสามารถสร้างการเชื่อมต่อแบบกำหนดเองผ่านโค้ดและ webhook ได้ด้วย
Voiceflow มีชุดการเชื่อมต่อที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของ AI สนทนา ครอบคลุมแพลตฟอร์มสื่อสาร เครื่องมืออัตโนมัติ และ API เหมาะสำหรับทีมที่ต้องการเชื่อมต่อกับเครื่องมือธุรกิจยอดนิยมแบบสำเร็จรูป
Botpress มีการเชื่อมต่อสำเร็จรูปมากกว่า 190 รายการ สำหรับแพลตฟอร์มอย่าง Salesforce, HubSpot, Stripe และ Zendesk พร้อมเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาในการสร้างตัวเชื่อมต่อแบบกำหนดเอง เหมาะกับทีมที่ต้องการเชื่อมบอทเข้ากับเวิร์กโฟลว์เฉพาะทาง
สรุปคือ Botpress เหมาะกับทีมที่ต้องการทั้งการเชื่อมต่อสำเร็จรูปกับเครื่องมือธุรกิจมาตรฐาน และอิสระในการสร้างการเชื่อมต่อและเวิร์กโฟลว์ที่ปรับแต่งได้ ส่วน Voiceflow เหมาะกับทีมที่ต้องการเชื่อมต่อ AI เสียงกับเครื่องมือธุรกิจมาตรฐานแบบสำเร็จรูป
เปรียบเทียบด้านความปลอดภัย
ทั้งสองแพลตฟอร์มผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด Botpress เหนือกว่า Voiceflow ตรงที่มีนโยบายความปลอดภัยแบบกำหนดเอง เหมาะกับองค์กรที่ต้องการมาตรฐานสูง
เวิร์กโฟลว์
สรุปสั้น ๆ: Voiceflow เหมาะกับการเปิดตัวเอเจนต์ AI แบบข้อความและเสียงเพื่อจัดการคำถามลูกค้าทั่วไปได้อย่างรวดเร็ว ส่วน Botpress เหมาะกับการเปิดตัวเอเจนต์ AI แบบข้อความที่มีความสามารถในการตัดสินใจขั้นสูงและรองรับเวิร์กโฟลว์ที่ซับซ้อน
Voiceflow และ Botpress ต่างก็สามารถ:
- รองรับการออกแบบสนทนาแบบภาพสำหรับสร้างปฏิสัมพันธ์ของเอเจนต์ AI
- รองรับการใช้งานบนหลายช่องทาง
- เชื่อมต่อกับฐานความรู้และแหล่งข้อมูลภายนอกได้
Voiceflow มีอินเทอร์เฟซลากวางเพื่อให้ออกแบบโฟลว์สนทนาได้ง่ายโดยไม่ต้องเขียนโค้ด เหมาะกับทีมที่ต้องการสร้างต้นแบบและเปิดใช้งานระบบอัตโนมัติพื้นฐาน เช่น ตอบคำถามที่พบบ่อยหรือผู้ช่วยเสียงบนหลายช่องทางอย่างรวดเร็ว
.webp)
Botpress ก็รองรับการสร้างโฟลว์แบบภาพเช่นกัน แต่ด้วยการเชื่อมต่อและตัวเลือกโค้ดที่หลากหลาย ทำให้สามารถรองรับกรณีใช้งานขั้นสูง เช่น การคัดกรองลูกค้าเป้าหมายพร้อมให้คะแนนและส่งต่อไปยังเจ้าหน้าที่ได้อย่างยืดหยุ่น
.webp)
AI และความสามารถทางเทคนิค
สรุปสั้น ๆ: Botpress เหมาะกับทีมที่ต้องการความสามารถ AI ขั้นสูง ปรับแต่ง NLP ได้ และเชื่อมต่อระบบได้หลากหลาย ส่วน Voiceflow เหมาะกับผู้เริ่มต้นหรือทีมที่เน้นใช้งานง่าย สร้างต้นแบบเร็ว และวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน
Botpress โดดเด่นด้านความสามารถ AI ขั้นสูง ใช้แนวทางที่ไม่ยึดติดกับ LLM ใด ๆ และมี NLP ที่แข็งแกร่งสำหรับการเข้าใจเจตนาและดึงข้อมูลสำคัญ เหมาะกับเอเจนต์ AI สำหรับบริการลูกค้าที่ซับซ้อนและปรับแต่งได้
Voiceflow เน้นใช้งานง่ายด้วยตัวเลือก LLM มาตรฐาน เหมาะกับผู้ใช้ที่ไม่ใช่สายเทคนิคและการสร้างต้นแบบเอเจนต์ AI บนเว็บไซต์หรือเสียงอย่างรวดเร็ว มีระบบวิเคราะห์ขั้นสูง เช่น วิเคราะห์เจตนาและประสิทธิภาพ NLU แต่ขาดการเชื่อมต่อและฟีเจอร์ AI ขั้นสูง รวมถึงการปรับแต่งเวิร์กโฟลว์ที่ซับซ้อน
Botpress เหมาะกับนักพัฒนาที่ต้องการความยืดหยุ่นและการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ส่วน Voiceflow เหมาะกับผู้เริ่มต้นหรือทีมที่สร้างแอปพลิเคชันเสียงและแชทแบบง่าย
ชุมชน & การสนับสนุน
สรุปสั้น ๆ: Botpress เหมาะกับผู้ใช้ที่ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนจากชุมชนที่แข็งแกร่ง การร่วมมือกับเพื่อนในวงการ และแหล่งความรู้มากมาย Voiceflow และ Botpress ต่างก็มีช่องทางสนับสนุนมาตรฐาน แต่ Botpress โดดเด่นสำหรับทีมที่ต้องการมีส่วนร่วมกับชุมชนนักพัฒนาที่มีชีวิตชีวา
ทั้ง Voiceflow และ Botpress มีช่องทางสนับสนุนลูกค้ามาตรฐาน เช่น AI และแชทสด เอกสาร และระบบตั๋วอีเมล ทั้งสองแพลตฟอร์มมีบริการสนับสนุนระดับองค์กร รวมถึงผู้จัดการบัญชีเฉพาะ
Botpress ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างเข้มแข็ง โดยมีชุมชน Discord ที่มีสมาชิกมากกว่า 30,000 คน ร่วมแบ่งปันความรู้ แก้ปัญหา และจัดกิจกรรม ‘Ask Me Anything’ กับทีม Botpress เป็นประจำ
Botpress ยังมีสื่อการสอนครบถ้วนผ่านช่องทางสาธารณะ เช่น วิดีโอสอนบน YouTube และหลักสูตรใน Botpress Academy จึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า Voiceflow ในแง่การสนับสนุนจากชุมชน
การปรับแต่งและความยืดหยุ่น
สรุปสั้น ๆ: เลือก Voiceflow หากคุณต้องการแพลตฟอร์มสร้างบอทที่ใช้งานง่ายสำหรับสร้างต้นแบบเอเจนต์ AI แบบข้อความหรือเสียงอย่างรวดเร็ว เลือก Botpress หากคุณต้องการความยืดหยุ่นในการเขียนโค้ดเพิ่มเติม เชื่อมต่อได้มากขึ้น และสร้างโซลูชันสนทนาเฉพาะทาง
Voiceflow และ Botpress ต่างก็สามารถ:
- รองรับเครื่องมือสร้างสนทนาแบบภาพสำหรับออกแบบโฟลว์ของเอเจนต์ AI
- สามารถปรับแต่งตรรกะสนทนาและประสบการณ์ผู้ใช้ได้
- เชื่อมต่อกับระบบและแหล่งข้อมูลภายนอกได้
Voiceflow เหมาะสำหรับทีมที่ให้ความสำคัญกับความรวดเร็วและความเรียบง่าย แพลตฟอร์มนี้เน้นโซลูชันแบบไม่ต้องเขียนโค้ด ช่วยให้ผู้ใช้ที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคนิคสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพึ่งนักพัฒนา
Botpress ถูกออกแบบมาสำหรับทีมที่ต้องการปรับแต่งได้อย่างลึกซึ้ง นักพัฒนาสามารถเขียนโค้ดเอง เพิ่ม middleware และสร้างการเชื่อมต่อกับระบบหลังบ้านเพื่อดึงข้อมูลลูกค้ามาใช้ตอบกลับแบบเฉพาะบุคคล
สถาปัตยกรรมของ Botpress เปิดโอกาสให้ทีมควบคุมพฤติกรรมของ AI agent การเชื่อมต่อระบบต่าง ๆ และสภาพแวดล้อมการนำไปใช้งานได้อย่างละเอียด เหมาะกับโปรเจกต์ที่ต้องเข้าถึงระดับโค้ดและต้องการเชื่อมต่อกับระบบเฉพาะ
อะไรดีกว่าสำหรับธุรกิจของฉัน — Botpress หรือ Voiceflow?
กรณีศึกษาการบริการลูกค้าในอีคอมเมิร์ซ
ปัญหาหลัก: การจัดการคำถามจากลูกค้าปริมาณมากในหลายช่องทาง
Marcus ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการอีคอมเมิร์ซของร้านแฟชั่น ต้องการ AI agent ที่ช่วยติดตามออเดอร์ รับคืนสินค้า แนะนำขนาด และเช็คสินค้าคงเหลือผ่านเว็บ มือถือ และช่องทางเสียง
Voiceflow มีเครื่องมือออกแบบร่วมกันที่ช่วยให้ทีมสร้างและปรับปรุง flow การสนทนาได้อย่างรวดเร็ว จุดเด่นคือการโต้ตอบด้วยเสียง เหมาะสำหรับการสอบถามข้อมูลขณะช้อปปิ้งแบบแฮนด์ฟรี สำหรับทีมของ Marcus หมายถึงการเปิดใช้งาน AI agent เบื้องต้นได้อย่างรวดเร็วในหลายช่องทาง โดยเฉพาะช่องทางเสียง
ในขณะที่ Botpress เหมาะกับงานที่ซับซ้อนมากขึ้น ด้วยการเชื่อมต่อ API ที่แข็งแกร่ง สามารถเชื่อมต่อกับระบบสต็อก ระบบชำระเงิน และแพลตฟอร์มขนส่งโดยตรง ช่วยให้ Marcus อัตโนมัติการคืนสินค้า ติดตามออเดอร์แบบเรียลไทม์ และแนะนำขนาดหรือสินค้าโดยใช้ข้อมูลสินค้าคงคลังปัจจุบัน ซึ่งเป็นงานที่เกินกว่าการออกแบบ flow การสนทนาแบบพื้นฐาน
สำหรับงานอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจรเช่นกรณีของ Marcus, Botpress คือทางเลือกที่ดีกว่า ด้วยความสามารถในการเชื่อมต่ออย่างลึกซึ้งและการจัดการ workflow ที่ซับซ้อนในหลายแพลตฟอร์มธุรกิจ ทำให้เหมาะกับการตอบโจทย์งานบริการลูกค้าในอีคอมเมิร์ซอย่างแท้จริง
กรณีศึกษาด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนดในบริการทางการเงิน
ปัญหาหลัก: ให้บริการลูกค้าพร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย
Jennifer เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลของธนาคารระดับภูมิภาค ต้องการ AI agent ที่ช่วยตอบคำถามบัญชี สมัครสินเชื่อ และวางแผนการเงิน พร้อมทั้งต้องมีบันทึกตรวจสอบและปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
Voiceflow มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและรองรับการทำงานร่วมกันระหว่างการตรวจสอบข้อกำหนด เครื่องมือบันทึกและวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานช่วยให้เห็นข้อมูลเบื้องต้น เช่น การใช้เครดิต AI, เจตนาของผู้ใช้ และเวลาตอบกลับ อย่างไรก็ตาม รายละเอียดระดับนี้อาจไม่เพียงพอสำหรับสภาพแวดล้อมที่ต้องการความโปร่งใสและความถูกต้องในการตรวจสอบอย่างเข้มงวด
ในทางกลับกัน Botpress ตอบโจทย์ความต้องการของ Jennifer ได้มากกว่า ด้วยระบบบันทึกการทำงานใน production, การบันทึก event แบบกำหนดเอง, การติดตาม webhook, การวิเคราะห์ข้อผิดพลาด และบันทึก audit log ที่ละเอียดซึ่งเก็บการเปลี่ยนแปลงของบอทและ workspace คุณสมบัติเหล่านี้รองรับสภาพแวดล้อมที่ต้องการการตรวจสอบและการจัดการข้อมูลแบบครบวงจร
สำหรับสภาพแวดล้อมทางการเงินที่มีข้อกำหนดเข้มงวดเช่นกรณีของ Jennifer, Botpress คือทางเลือกที่ดีกว่า ด้วยความสามารถในการบันทึก audit trail อย่างละเอียด ระบบบันทึกข้อมูลที่ครบถ้วน และฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง จึงเหมาะกับมาตรฐานการปฏิบัติตามข้อกำหนดในอุตสาหกรรมการเงิน
ตัวอย่างสถานการณ์การสร้างลีดฝ่ายขาย
ปัญหาหลัก: การเก็บและคัดกรองลีดจากหลายช่องทางการตลาด
Susan ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการขายของบริษัทซอฟต์แวร์ B2B ต้องการ AI agent เพื่อเก็บข้อมูลลีดจากผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ คัดกรองผู้สนใจตามขนาดบริษัทและงบประมาณ และส่งต่อผู้ที่ผ่านเกณฑ์ไปยังฝ่ายขายที่เหมาะสม
Botpress มีตัวเลือกการเชื่อมต่อและปรับแต่งที่หลากหลาย ช่วยให้ AI agent เชื่อมต่อกับเครื่องมือยอดนิยมอย่าง Mailchimp, Salesforce และ Hubspot ได้อย่างไร้รอยต่อ แพลตฟอร์มนี้ยังรองรับตรรกะการส่งต่อที่ซับซ้อน เพื่อจับคู่ลีดกับฝ่ายขายที่เหมาะสมตามอุตสาหกรรม ขนาดบริษัท และความสนใจในสินค้า ช่วยเพิ่มคุณภาพลีดและลดเวลาตอบกลับ
Voiceflow สามารถสร้างประสบการณ์เก็บลีดผ่านเสียงที่เข้าถึงง่าย สำหรับผู้ที่ชอบโต้ตอบแบบแฮนด์ฟรี ฟีเจอร์การทำงานร่วมกันช่วยให้แต่ละแผนกเพิ่มเนื้อหาและปรับเกณฑ์คัดกรองได้ง่ายโดยไม่ต้องมีความรู้ด้านเทคนิค
สำหรับการสร้างลีดแบบครบวงจร Botpress คือทางเลือกที่ดีกว่า ด้วยความสามารถในการเชื่อมต่อที่หลากหลาย เหมาะสำหรับการบริหารจัดการลีดตั้งแต่ต้นจนจบ แม้จะต้องประสานงานระหว่างฝ่ายขายและฝ่ายการตลาดมากขึ้นก็ตาม
สรุปใจความ
Voiceflow เหมาะสำหรับทีมที่มีทรัพยากรด้านเทคนิคน้อยและต้องการเปิดใช้งานอย่างรวดเร็ว เหมาะกับทีมเล็กหรือสตาร์ทอัพที่ต้องการ AI agent สำหรับเสียงและข้อความโดยไม่ต้องเขียนโค้ด แต่จะรู้สึกจำกัดหากต้องการปรับแต่งหรือเชื่อมต่อระบบที่ซับซ้อน
Botpress เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นและขยายระบบได้ นอกจากเครื่องมือสร้างแบบภาพแล้ว ยังมีเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาในการสร้าง AI agent ขั้นสูง พร้อม workflow เฉพาะทาง การเชื่อมต่อระบบอย่างมีประสิทธิภาพ และรองรับการเขียนโค้ดเอง
เลือก Voiceflow หากคุณให้ความสำคัญกับความเร็วและความง่ายมากกว่าการปรับแต่ง เหมาะสำหรับทีมที่ต้องการเปิดใช้งาน AI agent ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องมีความรู้ด้านเทคนิค เลือก Botpress หากคุณต้องการ workflow ที่ซับซ้อนและการเชื่อมต่อแบบกำหนดเองที่สามารถขยายตามธุรกิจได้
คำถามที่พบบ่อย
Botpress รองรับหลายภาษาไหม?
ใช่ Botpress มีระบบรองรับหลายภาษาในตัว ช่วยให้ธุรกิจสามารถเปิดใช้งาน AI agent ได้หลายภาษาอย่างไร้รอยต่อ
Botpress เป็นโอเพ่นซอร์สหรือไม่?
Botpress มีจุดเริ่มต้นจากโอเพ่นซอร์ส ปัจจุบันนำเสนอในรูปแบบไฮบริดที่มีทั้งเครื่องมือโอเพ่นซอร์สและโซลูชันเฉพาะสำหรับการขยายระบบและรองรับองค์กรขนาดใหญ่
Botpress และ Voiceflow ใช้สำหรับสร้างลูกค้าเป้าหมายได้หรือไม่?
ทั้งสองแพลตฟอร์มรองรับการสร้างลีด แต่ Botpress เชื่อมต่อกับระบบ CRM และ workflow การคัดกรองผู้สนใจได้ลึกกว่า จึงเหมาะกับการบริหารจัดการลีดแบบครบวงจร
ฉันสามารถเชื่อมต่อ Botpress กับ Salesforce หรือ Zendesk ได้ไหม?
ใช่ Botpress มีการเชื่อมต่อโดยตรงกับ Salesforce, Zendesk, HubSpot, Slack และเครื่องมือธุรกิจยอดนิยมอื่น ๆ





.webp)
